อย ากเลี้ยงลูกให้ดี คนเป็นพ่อแม่ ไม่ควรทำกับลูก 9 เรื่องนี้

คนเป็นพ่อเป็นแม่ มักใช้ความเป็นผู้ใหญ่มองเ ด็ ก โดยบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เ ด็ กคิดนั้น อาจเป็นอีกหนึ่งมุมมองของเขา มีหล า ยสิ่งหล า ยอ ย่ างที่พ่อแม่อาจไม่เคยรู้ ว่าสิ่งที่ทำกับลูกในทุกวันนี้ อาจส่งผลทําร้ า ยจิตใจลูกได้มากที่สุด อย ากเลี้ยงลูกให้ดี เลิกทำ 9 สิ่งที่ทำร้ า ยจิตใจลูก

1. นำเรื่องที่เคยทำผิ ดของลูกมากล่าวว่าซ้ำ ๆ

ผู้ใหญ่ส่วน มากเวลาดุเ ด็ กที่ทำผิ ด มักจะนำเรื่องของลูกที่เคยทำผิ ดมาแล้ว มากล่าวว่าซ้ำ ๆ เหมือนเป็นการตอ กย้ำซ้ำเติมลูกเข้าไปอีก และร้อยละ 50 ที่แสดงอาการแบบนี้ จะหยุดก็ต่อเมื่อเ ด็ กเกิดอาการเ สี ยใจ การทำแบบนี้ถือเป็นการกระทำที่ทำร้ า ยจิตใจลูกได้มาก และจะทำให้เ ด็ กเกิดความรู้สึกเ จ็ บใจ โ ก ร ธ จนทำให้ลูกไม่คิดจะปรับปรุงตัวให้เป็นเ ด็ กที่ดีขึ้นง่าย ๆ แน่

2. ใช้ความรุนแรงกับลูก

หมดยุคการลงโ ท ษโดยใช้ไม้เรียวตีลูก เพื่อสร้างให้เป็นคนดีกันแล้ว เพราะการตีหรือใช้ความรุนแรงกับเ ด็ ก ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลง หรือปรับนิสัยลูกให้เป็นไปต ามที่พ่อแม่คาดหวังได้ แต่จะเป็นการซ้ำเติมให้ลูก มีปมภายในใจหนักขึ้นไปอีก ความรุนแรงระหว่างพ่อแม่ทะเลาะกัน หรือความรุนแรงที่ทำต่อลูก ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ดี ที่ยิ่งทำให้ลูกมีอาการต่อต้านหนักขึ้น และจะกล า ยเป็นภาพจำ ทำให้ลูกกล า ยเป็นเ ด็ กก้าวร้าวต่อไปได้ในอนาคต

3. เปิดเผยความลับของลูกให้คนอื่น

แท้จริงแล้วพ่อแม่คือที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของลูก แต่เ ด็ กในสังคมไทยปัจจุบัน กลับเลือ กปรึกษาเพื่อนก่อนพ่อแม่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าบางเรื่อง พ่อแม่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือเป็นเรื่องที่มองข้ามความสำคัญของลูกไป หรือแก้ปัญหาไม่ตรงจุด จนลูกมองว่าพ่อแม่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่สาเหตุหลักคือเรื่องของความลับที่เ ด็ กไม่อย ากให้คนจำนวน มากรู้

หากมีเรื่องสำคัญนั้น ร้อยละ 80 ลูกมักจะเลือ กบอ กแม่ แต่แม่ก็อาจจะนำความลับนี้ไปปรึกษาพ่อหรือคนอื่น ซึ่งการทำแบบนี้ อาจทำให้เ ด็ กเกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจ หรือเชื่อใจที่จะบอ กความลับตนเอง จึงมักทำให้เกิดปัญหาต ามมาทีหลังได้

4. มองข้ามการแสดงความคิดเห็นของลูก

ผู้ใหญ่มักแสดงความไม่พอใจต่อเ ด็ กที่ประพฤติตัวไม่ดี โดยอาจใช้การดุด่า ต่อว่า แต่เ ด็ กร้อยละ 90 ไม่สามารถแสดงอาการไม่พอใจในตัวผู้ใหญ่ออ กมาได้ และหากกล่าวว่าผู้ใหญ่ผิ ดก็ทำให้มองว่าเป็นเ ด็ กไม่ดี ทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พ่อแม่สามารถเป็นแบบอ ย่ างให้ลูกในการแสดงออ ก และเปิดใจให้กว้าง ต่อ การฟังความคิดเห็นจากทุกคนในครอบครัว ยอมรับความผิ ดถูก และช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อให้ลูกกล้าแสดงออ ก และรู้จักที่จะยอมรับในสิ่งผิ ด อันจะเป็นรากฐานต่อ การใช้ชีวิตในสังคมเมื่อเขาเติบโตขึ้น

5. เมินเฉยกับการทำดีของลูก หรือรู้สึกยินดีแบบผ่าน ๆ

ผู้ใหญ่มักมองเห็นความสำเร็จเล็ก ๆ ของลูกเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย และให้ความยินดีแค่เพียงผ่าน ๆ แทนที่จะมองว่าผลลัพธ์ ในสิ่งที่ลูกทำได้ดีนั้น จะเป็นการต่อยอ ดไปสู่ผลงาน หรือความสำเร็จที่ดีในอนาคตของเขาได้ หากได้รับการส่งเสริมที่ดีจากพ่อแม่ การเมินเฉยหรือ การยินดีแค่เพียงชั่ วขณะ อาจทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นใจ และไม่ภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้

6. ใช้ถ้อยคำรุนแรง ด่าว่าลูก

การใช้ถ้อยคำที่ว่ากล่าวตักเตือนเมื่อเ ด็ กทำผิ ด ไม่ใช่การด่าว่า ใช้คำรุนแรง ส่อเ สี ยด เพื่อให้เ ด็ กกลัวหรือหลาบจำ เพราะการทำแบบนี้ นอ กจากจะทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี ยังทำให้เ ด็ กไม่มีความสำนึกผิ ด หนำซ้ำยังคิดจะทำครั้งต่อไป แบบที่ไม่ทำให้โดนจับได้ เพื่อจะได้ไม่โดนด่า แถมยังเกิดการเลียนแบบถ้อยคำหย าบคายจากผู้ใหญ่อีกด้วย

7. ลงโ ท ษเมื่อลูกทำผิ ด

พ่อแม่จำนวน มากคิดว่าการลงโ ท ษ คือวิ ธีที่จะทำให้เ ด็ กจดจำ และจะไม่ทำผิ ดอีก แต่กลับตรงกันข้าม วิ ธีนี้จะทำให้ทำให้ลูก รู้สึกเ สี ยใจ กล า ยเป็นเ ด็ กที่เก็บกด และกลัวความผิ ดพลาด จนกล า ยเป็นคนขี้ระแวงได้ วิ ธีที่ถูกต้องที่สุดคือ การปลอบเมื่อลูกทำผิ ดพลาด อธิบายเหตุผลว่าทำไมนี่คือสิ่งที่ลูกทำผิ ด จะมีผลเ สี ยอ ย่ างไร พร้อมทั้งแนะนำ ช่วยกันหาวิ ธี คิดแก้ปัญหาให้กับลูก หรือใช้วิ ธีลงโ ท ษแบบนุ่มนวล เช่น การลงโ ท ษแบบ time in หรือ time out

8. อารมณ์เ สี ยใส่ลูก

พ่อแม่ที่อารมณ์เ สี ยหรือทะเลาะกัน บางครั้งก็มักจะอารมณ์เ สี ยใส่ลูกโดยไม่รู้ตัว หรือพาลไปหาเรื่องลูก ลงใส่ลูก การทำแบบนี้นอ กจากจะเป็นการทำร้ า ยจิตใจลูกโดยง่ายแล้ว ยังทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่มีเหตุผล จนไม่คิดจะเชื่อถือได้

9. เอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก และไม่ใจกว้างที่จะเข้าใจลูกตัวเอง

พ่อแม่อาจจะจดจำวันเดือนปีเกิดของลูกได้ รู้ว่าลูกชอบกินอะไร หรือไม่ชอบอะไร ฯลฯ แต่การรู้จักลูกในสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ห ม า ยความว่า คนเป็นพ่อแม่จะเข้าใจในสิ่งที่ลูกคิดได้ หากคุณยังต้องการให้ลูกทำสิ่งต่าง ๆ ในแบบที่พ่อแม่คิด โดยไม่ถามความสมัครใจ หรือไม่ได้สังเกตอาการ สีหน้า ความสุข ของลูกเลย พ่อแม่ทุกคนอย ากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด

แต่นั้นก็ไม่ได้ห ม า ยความว่าจะห้ามตี ห้ามดุไปเลยทีเดียว แต่ควรทำแบบพอ ดี ไม่มากเกินไป ควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ใช้ความจำเป็นให้มากกว่าความต้องการ เพื่อไม่เป็นการทำร้ า ยจิตใจลูก และสร้างลูกให้เป็นคนดีต่อไป เพื่อความภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่ เมื่อเขาเติบโตขึ้น มานะคะ

ที่มา t h t h e a s i a n p a r e n t na-aan