ผืนนาแห้งแล้ง ดินเค็ม เปลี่ยนเป็นสวนเกษตรผสมผสาน

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีข้ อมูลดีๆมาฝากถึงเพื่อนๆ เพื่อเป็นแนวทางการดำรงชีวิตได้ไม่มากก็น้อย เท่าที่ทราบกันว่า พื้นที่นาข้าวภาคอีสานนั้นปลูกผลไม้ไม่ได้กิน เนื่องจากปัญหา ดินเค็ม และความแห้งแล้ง แต่วันนี้เรามีตัวอ ย่ างจากสวนลุงโหนกนานาพรรณของ ดร.จตุพร เทียรมา อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพย ากรศาสตร์ มหาวิทย าลัยมหาสารคาม ในตำบลเขวา อำเภอเมืองฯ จังหวัดมหาสารคาม

ดร.จตุพร เทียรมา อาจารย์ป ระจำส าขาวิชาการจั ด ก า รทรัพย ากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพย ากรศาสตร์ มหาวิทย าลัยมหาสารคามอาจารย์จตุพรได้ นำความรู้เกี่ยวกับการ ทำห น้าที่และการให้บริการของระบบนิเวศมาผนวกเข้ากับระบบการ ทำเกษตรของตัวเอง

ในพื้นที่ขนาด 8 ไร่ของสวนลุงโหนกนานาพรรณจึงเปรียบเสมือนห้องทดลองขนาดใหญ่ ซึ่งเน้นการจัดองค์ประกอบของพื้นที่แปลงเกษตรทั้งด้านกายภาพและชีวภาพ เพื่อให้สอ ดคล้องกับการทำหน้าที่ของระบบนิเวศ ก่อเกิดเป็นสวนเกษตรที่ยั่งยืนในอนาคต

ขุดดสระน้ำขนาดความจุ 6,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งได้จากคำนวณปริมาณการใ ช้น้ำทั้งปีและจำนวนพืชทั้งหมดที่ปลูกในแปลงเกษตร 8 ไร่ สวนแห่งนี้จึงมีน้ำใ ช้ทำเก ษตรอ ย่ างเพียงพอตลอ ดปีที่ดินแปลงนี้ผมซื้ อตอนอายุ 38 ปี ทยอยขุดสระน้ำ สร้างบ้านพัก ปรับพื้นที่ ปรับปรุงดิน ปลูกพืชผลต่าง ๆ ทำมาได้ 7 ปีแล้ว และตั้งเป้าหมายว่าเมื่อผมอายุ 55 ปี

ระบบนิเวศในแปลงเกษตรนี้ต้องสมบูรณ์แบบ นั่นคือเกิดความสมดุล ซึ่งเราจะได้เห็นการเติบโตของต้นไม้ จุลินทรีย์ธรรมชาติ และพืชพรรณต่าง ๆ ที่ปลูกไว้ ให้ธรรมชาติช่วยดูแลกันเอง เช่นเดียวกับระบบนิเวศของป่า

ระหว่างต้นของไม้ผลปลูกทั้งพืชบำรุงดิน เช่น พืชตระกูลถั่ว พืชที่มีระบบรากลึก และพืชผักอาหารจากผืนนาจึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นสวนผสมผสาน มีการวางแผนไว้ว่าพื้นที่ตรงไหนจะปลูกอะไร ตรงไหนจะเป็นนาข้าว ตรงไหนจะขุดสระน้ำ ตรงไหนจะปลูกไม้ผลหรือสร้างบ้านพัก

โดยเตรียมความพร้อมด้านพื้นที่อ ย่ างค่อยเป็นค่อยไป เ พร า ะสภาพกายภาพของที่ดินแปลงนี้เป็นที่เนินดินที่นี่เป็นดินเค็ม ขุดสระลึกลงไปแค่สามเมตรครึ่งก็เจ อน้ำเค็มผุดขึ้น มาแล้ว จำเป็นต้องใช้น้ำฝนในการทำเกษตร ดินเป็นดินเหนียวมากกว่าดินทร า ย เมื่อขุดสระจึงสามารถกักเก็บน้ำได้ดี

ก่อนขุดสระผมศึกษาข้ อมูลน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ย้อนหลัง 30 ปี พร้อมวางแผนดูสภาพพื้นที่ ใช้พื้นที่ต่ำสำหรับกักเก็บน้ำ คำนวณการซึมของน้ำในดิน คำน วณปริมาณการใช้น้ำทั้ งปีและจำนวนพืชพรรณที่ปลูกทั้งหมดในแปลงเกษตร 8 ไร่ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนธาตุอาหารในพื้นที่ผ่านน้ำที่ เตรียมเอาไว้ให้มีปริมาณเพียงพอต่อ การทำเกษตร

นอ กจากนี้ยัง ทำร่ องน้ำไ ว้รอบพื้นที่ซึ่งไปเชื่อมกับร่องระหว่างแถวที่ปลูกไม้ผล เจตนาในการทำร่องเพื่อใช้ผลิตอินทรียวัตถุต่าง ๆ โดยปล่อยให้ผักตบชวาและจอ กหูหนูเจริญเติบโตแล้ว นำขึ้น มาทำปุ๋ยพืชสด ขณะเดียวกันตะกอนอินทรียวัตถุที่อยู่ในร่องจะหนาขึ้นเรื่อย ๆ

โดยตะกอนที่เกิดจากรากผักตบชวาที่ทับถมกัน มีธาตุอาหารที่พืชต้องการ ทั้งไนโตรเจน แคลเซียม และโพแทสเซียมสูง ผมวางแผนไว้ว่าอีก 4-5 ปีจะลอ กร่องสวนแล้ว นำน้ำออ กเพื่อขย ายความกว้างของเนิน เรา ทำแ บบนี้เ พร า ะต้องการธาตุอาหารจากธรรมชาติที่หมุนเวียนกันในสวน เพื่อให้เกิดสมดุลในพื้นที่ สิ่งเหล่านี้ต้องวางแผนเป็นขั้นตอน

นอ กจากการสร้างระบบกักเก็บน้ำให้เพียงพอแล้ว ต้องปรับโครงสร้างดิน เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุและจุลินทรีย์ในดิน เพื่อให้เหมาะและเพียงพอต่อ การปลูกพืชต่าง ๆ ด้วยผมไม่ได้ใช้ดินจากภายนอ กเลย

ดินที่นำมาถมเป็นดินที่ได้จากการขุดสระน้ำ ก่อนหน้านี้หน้าดิน มีคราบเกลือขาวเ พร า ะเป็นดินเค็ม เหนียว และแน่นทึบมาก จึงทยอยปรับโครงสร้างของดินด้วยการปลูกพืชตระกูลถั่วและพืชไร่ที่มีระบบรากลึก เช่น ข้าวโพด โดยไม่ได้สนใจว่าจะได้ฝักเยอะไหม เ พร า ะต้องการให้รากข้าวโพดช่วยทะลุทะลวงดิน อีกทั้งต้นของมันยังเป็นอินทรียวัตถุปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพของดินด้วย

การปรับปรุงดินบริเวณที่ปลูกไม้ผล ผ มทำจ ากโคนต้นออ กมาทีละน้อยเ พร า ะไม่ต้องการลงทุนเยอะ โดยเริ่มจากการปลูกถั่วพร้า ปลูกเป็นวงออ กมาเรื่อย ๆ ซึ่งสังเกตพบว่าระบบรากของถั่วพร้าชอนไชดินจนเป็นรูพรุน ทำให้รากไม้ผลที่ปลูกไว้หยั่งลึกได้ดี นอ กจากนี้ยังให้ปุ๋ยพืชสดจากวั ช พื ช ผักตบชวา และจอ กหูหนูที่เจริญเติบโตในร่องสวน เอาขึ้น มากองทับถมกันบริเวณโคนต้น ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนก็ย่อยสล า ยหมด ร่วมกับให้ขี้วัว จากดินเค็มที่ทั้งเหนียวและแน่นทึบก็กล า ยเป็นพอใช้ได้แล้ว

ปุ๋ยพืชสดจากผักตบชวาช่วยปรับสภาพดิน

ใช้อินทรียวัตถุช่วยในการปรับโครงสร้างของดินจนดีขึ้นเรื่อย ๆหลังจากซื้ อที่ดิน อาจารย์จตุพรทำนาถึง 3 ปี ก่อนที่จะเป็นร่องสวนเพื่อวางแผนการจั ด ก า รแปลง และทดสอบว่าพืชชนิดใดปลูกได้ดี อะไรปลูกไม่ได้ โดยเฉพาะไม้ผลเพื่อเลือ กปลูกพืชให้เหมาะสม ส่วนการทำนาเหลือพื้นที่แค่ 2 ไร่สำหรับปลูกข้าวแค่พอ กินในครอบครัว

ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 และหอมใบเตยสำหรับบริโภคในครอบครัว พร้อม ๆ กับการคัดเลือ กพันธุ์เพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อผมเน้นปลูกไม้ผลเ พร า ะมองว่ามันเป็นพืชที่สามารถดูแลตัวเองได้และเราไม่ต้องใช้แรงเยอะเมื่อถึงวันที่ต้องเกษียณ ในสวนจึงมีไม้ผลปลูกแซมต ามแผนผังที่ออ กแบบไว้ วางแผนแล้วว่าพื้นที่ตรงไหนจะปลูกอะไร โดยแบ่งการปลูกเป็นโซน ค่อย ๆ ปลูกปีละ 1-2 งาน ทยอยปลูกต ามที่มีเวลา

สำห รับส้มโอผมสั่งซื้ อ กิ่งพันธุ์ส้มโอทับทิมสย ามจากภาคใต้มาทดสอบปลูกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เพื่อ ดูว่าการเจริญเติบโตเป็นอ ย่ างไร ให้ผลผลิตไหม พอปลูกปีที่ 3 ออ กผล ก็รอ ดูอีก 1 ปีว่าผลที่ได้มีคุณภาพหรือไม่ เมื่อได้ผลน่าพอใจและนึกหล า ยเหตุผล

จึงเลือ กปลูกส้มโอทับทิมสย ามเป็นพืชไม้ผลหลักเพื่อสร้างร า ยได้ในอนาคต หลังจากเลือ กแล้วจึงทำระบบร่องสวน ยกร่องแปลงนาขึ้นเพื่อปลูกส้มโอ ค่อย ๆ ขย ายทำไปทีละน้อยเ พร า ะไม่ได้จ้างแรงงาน และใช้เวลาว่างจากงานประจำมาทำสวน ต้นส้มโอที่เห็นส่วนใหญ่จึงเพิ่งอายุ 2 ปี แต่ก็เจริญเติบโตได้ดี เ พร า ะน่าจะปรับตัวเข้ากับดิน น้ำ และสภาพแวดล้อมที่นี่ได้

ระหว่างปลูกมะม่วงก็ทดสอบปลูกไม้ผลเกือบทุกชนิดที่เหมาะกับดินเค็ม เช่น ส้มโอ ละมุด ขนุนฝรั่ง มะขามป้อม เป็นต้น เพื่อจะได้รู้และเลือ กปลูกไม้ที่เข้ากับดินและสภาพแวดล้อมของเรา เมื่อมีข้ อมูลก็เลือ กว่าจะปลูกอะไรหลักการ ทำสวนเกษตรของผมคือไม่ใช้ปุ๋ยและสารเคมี ใช้แค่ปุ๋ยคอ กและอินทรียวัตถุจากพืชในสวน ทยอยปรับปรุงดินไปเรื่อย ๆ

พร้อมเสริมโคนต้นเพื่อป้องกันโ ร ค การควบคุมโ ร คเน้นใช้จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เช่น ใส่เชื้อราไตรโคเดอร์มาในช่วงต้นฝนและต้นหนาวเพื่อป้องกันโ ร คโคนเ น่ า เราไม่ได้ใช้เคมีจึงต้องดูแลเอาใจใส่มากหน่อย บางต้นที่มีอาการโ ร คโคนเ น่ าเก่าแต่แก้ไขได้แล้วก็เอาปูนแดงมาทา ไม่เช่นนั้น มันจะมีน้ำย างไหลออ กมาต ามเปลือ กโคนต้น

การใส่ไตรโคเดอร์ม าทำในช่วงเย็นโดยโรยรอบโคนต้น ต้นละ 1 ถุง จากนั้นโรยทับด้วยขี้วัวบาง ๆ กลบด้วยผักตบชวาที่ย่อยสล า ยแล้ว แล้วรดน้ำต าม ในช่วงหน้าฝนต้องกลบให้ห่างโคนต้นเพื่อป้องกันดินบริเวณโคนต้นเพื่อรั ก ษ าความชื้น การจั ด ก า รแปลงแต่ละช่วงต้องพิจารณาจากสภาพแวดล้อมแล้วจั ด ก า รให้สมดุล

ต้นส้มโอทับทิมสย ามอายุประมาณ 2 ปี เริ่มให้ผลผลิต

สำหรับการป้องกันกำจัดแ ม ล ง ใช้เมล็ดสะเดาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ฉีดพ่นในช่วงต้นฤดูฝนเ พร า ะพบการระบาดในช่วงนั้น หรือฉีดพ่นเฉพาะจุดในช่วงที่ต้นเริ่มแตกยอ ดก็ได้ แ ม ล งศั ต รูจะไม่ต ายในทันที แต่จะค่อย ๆ ลดจำนวนลง ตั้งแต่ผมเริ่มปลูกส้มโอในพื้นที่นี้ไม่มีใครเชื่อว่าจะปลูกได้ จนตอนนี้เริ่มเห็นผลแล้วว่าหากมีการวางแผนเตรียมพื้นที่ให้ดี

เลือ กพืชปลูกที่เหมาะสมกับสภาพดินและสิ่งแวดล้อม ก็สามารถเห็นผลดีได้ ส่วนโ ร คโคนเ น่ าที่ยังพบนั่นแสดงว่าในดินของเรายังไม่สมดุล ก็ต้องค่อย ๆ ปรับกันไป แต่แนวโน้มเป็นไปด้วยดี เ พร า ะถือว่าเราพบโ ร คน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้สารเคมี โรยเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่ขย ายเชื้อเองบริเวณโคนต้นส้มโอเพื่อป้องกันโ ร คโคนเ น่ า
การทำเกษตรของผมมองภาพในระยะย าว เน้นให้เกิดความสมดุลในพื้นที่ ให้ธรรมชาติเกื้อ กูลกันและกัน

เ พร า ะเป้าหมายคือสุดท้ายแล้วเราจะต้องไม่ ทำอะไรให้เหนื่อยหนัก ในแต่ละปีจะต้องทำงานให้น้อยลงเรื่อย ๆ ไม่ใช่ทำงานเท่าเดิมหรือมากขึ้น แต่ใช้การบริการของระบบนิเวศเข้ามาช่วย อ ย่ างไรก็ต าม เราไม่สามารถสร้างระบบนิเวศให้เกิดขึ้นได้ในทันที แต่ต้องใช้เวลาศึกษาแล้วค่อยๆ เรียนรู้ ค่อย ๆ ปรับปรุง ค่อย ๆ ปลูกพืชผักไม้ผล ฉะนั้นจึงต้องทำสิ่งเหล่านี้เตรียมไว้ตั้งแต่ในช่วงวัยที่ยังมีแรง เ พร า ะเมื่ออายุมากขึ้นหรือถึงวัยเกษียณแล้วอาจจะ ทำไม่ไหว

ที่มา readykids  sangkomonline