เข้าใจว่าทุกวันนี้การศึกษาคืออนาคตความหวังที่จะช่วยพลิกโอกาส ให้ลูกคุณมีอนาคตที่ดี หล า ยๆครอบครัว จึงทุ่มเททุกสิ่งที่มีทั้งเงิ นและเวลา แลกกับการให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ มีร า ค าสูง คอสติวสอนพิเศษต่างๆมากมาย จนลืมไปว่าควรพัฒนาทักษะด้านอื่นควบคู่กันไปด้วย
ตอนที่ลูกอายุได้ 2 ขวบ เราส่งลูกเข้า เนอสเซอรี่ หมดค่าใช้จ่ายไปปีละ 8 หมื่น เพียงแค่คิดว่า กลัวจะพัฒนาไม่ทัน เพื่อนเรียนไม่ทัน เพื่อนกล า ยเป็นส่งลูก ไปติดหวัดที่โรงเรียน เ พ ร า ะวัยนี้ภูมิต้านทานยังไม่แข็งแ ร งพอ ไหนจะเสี่ยงที่จะต้องเจอ กับพี่เลี้ยงที่ไม่ดี สอนแบบผิ ดๆอีก กล า ยเป็นพฤติก ร ร มตัวอ ย่ างที่ซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่ออนุบาลยันประถม เราจัดเต็มทั้งในนอ กหลักสูตร ต้องกวดวิชา เพื่อเตรียมสอบเข้าป.1 และเสริมด้วยคณิตศาสตร์ว่ายน้ำ ไวโอลิน อังกฤษ จีนฯลฯ กลัวลูกจะไม่เก่ง กลัวจะน้อยหน้าข้างบ้านหารู้ไม่ว่า จิตนาการต่างหาก คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะนำพาให้ลูกคุณเติบโตขึ้นไป
เป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จได้ในอนาคต แต่คุณกำลังบังคับ ให้เรียนโน้นทำนี่ ฝึกนั่น เป็นการปิดกั้นพัฒนาการในด้านการจินตนาการ และการฝึกคิดไปโดยอัตโนมัติ เรากลัวว่าลูกจะไม่เก่ง แต่ไม่เคยถามความรู้สึกของลูกจริงๆ ว่าเขาฝันอย ากเป็นอะไร
หรือเพียงแค่เ พ ร า ะเราแค่ยัดเยียด ความฝันที่เราทำไม่สำเร็จ ความล้มเหลวที่เราทำให้พ่อแม่ผิ ดหวัง ไปไว้ที่ลูก ให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เพื่อมาชดเชยปมความล้มเหลวในอ ดีตของเรา พอถึงมัธยมอมเปรี้ยว คราวนี้หนักเลย เพื่อที่จะสอบได้คะแนนดีๆ
เพื่อเข้ามหาลัยดีๆ ได้เรียนพิเศษทุกเย็น หลังเลิกเรียนเสาร์อาทิตย์ จัดเต็มวันปิดเทอมไม่มีพักส่งลูกเรียนซัมเมอร์ ยุโรป ออสเตรลีย บางทีลูกไม่อย ากไป แต่พ่อแม่นี่แหละ อย ากให้ไป บางบ้านหมดเงิ นปีละ 6-7 แสน เพียงเพื่อให้ลูกได้เรียน ในสิ่งที่คิดว่าดี แต่ไม่รู้ดีจริงไหม ยังไม่ทันเข้ามหาลัย
กดไปเป็นสิบล้านถึงวัยทำงานคือ โลกแห่งความเป็นจริงพอลูกเรียนจบ ก็คาดหวังว่าลูกฉันเลี้ยงมาอ ย่ างพิเศษใส่ไข่เพิ่มข้าวดังนั้นจะจ้างลูกฉัน มันต้องแพงกว่าสินี่ส่งเรียนไปสิบกว่าล้านเลยนะ ปัญหาคือคุณค่าของใบปริญญา พ่อแม่กับนายจ้างมองไม่เท่ากัน
พ่อแม่ชาวไทยตีค่าใบปริญญาลูกรักสูงมาก เ พ ร า ะเราอยู่ในกระบวนการจ่ายเ งินจริงด้วยร า ค าสูง อ ย่ างย ากลำบากย าวนาน 20 ปี นายจ้างกลับตีค่าไม่สูง เท่าพ่อแม่กลับมีคำถามใหญ่ๆ 3 คำถามคือ
1.ลูกคุณทำอะไรเป็นบ้าง
2.ลูกคุณเคยทำอะไรสำเร็จมาบ้าง
3.ลูกคุณจะมาสร้างความสำเร็จอะไรให้ที่นี่
อ ย่ าลืมว่า ยุคนี้คือยุคที่เปิดกว้างคนอินเดีย พร้อมบิน มาทำงานที่กทม.เขียนโปรแกรมเก่ง ยังกับคลอ ดออ กมาจากคอมพิวเตอร์ แถมขยันขันแข็ง ยังกับหุ่นยนต์คนฟิลิปปินส์อินโดมาเลย์ พร้อมจะบิน มาทำงานที่กรุงเทพ พวกเขาเก่งภาษาอังกฤษลอจิกดีคุมงานเป็น หัวหน้าโปรเจคต์พรีเซนต์ดี
ไม่แพ้ฝรั่งคนจีนไม่ต้องพูดถึง ความขยันอ่า น ขยันข า ยของ ขยันพบลูกค้ าใจสู้มาก ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ โดนด่าไม่ยุบ พวกนี้คือยอ ดเซลล์แมน แต่กับคนไทยปริญญามหาลัย มันเริ่มจะเบลอๆไม่ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนรุ่นพ่อแม่แน่นอน ว่าย่อมมีบางคนได้ไปต่อเจริญรุ่งเรือง โกอินเตอร์ แต่ก็มีจำนวน มากที่แป้กตั้งแต่อายุยังน้อย
ที่มา FundamentalVI stand-smiling